ถามผู้เชี่ยวชาญ
การวางแผนโซลูชั่นที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่งานและระบบของคุณต้องการ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston คอยแนะนำคุณ
ถามผู้เชี่ยวชาญฟอร์แมตผลงานบันทึกที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ มาพร้อมกับการนำเสนอผลงานที่มีความละเอียดและต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก คอนเทนต์ครีเอเตอร์จึงจำเป็นต้องมีทางเลือกในการจัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและดีกว่าเดิมสำหรับรองรับการอัพโหลด ดาวน์โหลดและตัดต่อไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ แต่คำถามคือเราจะปรับประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์เหล่านี้ได้อย่างไร
การสร้างสรรค์ผลงานต้องอาศัยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับวิดีโอที่มีความยาว นี่คือข้อมูลที่สำคัญที่ไม่เพียงแต่ต้องมีการบันทึกไว้ แต่ยังต้องมีการสำรองข้อมูลไว้ในระบบที่เชื่อถือได้ด้วย บัญชีผู้ใช้งานมักตกเป็นเป้าของการแฮ็ค ครีเอเตอร์หลาย ๆ คนจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกขโมยสิทธิ์ใช้งานบัญชีผู้ใช้ของตนหรือถูกลบข้อมูลอย่างเป็นการถาวร ในทั้งสองกรณี ครีเอเตอร์ที่ขาดความพร้อมอาจไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่เป็นผลงานสำคัญของตน และเมื่อไม่มีไฟล์เหล่านี้ การจะกลับมาสร้างฐานผู้ติดตามอีกครั้งยิ่งเป็นเรื่องยากลำบากหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลย แทนที่จะยอมเสี่ยงกับความเสียหายทางอาชีพและการเงินที่อาจเกิดขึ้น ครีเอเตอร์ในทุกระดับต่างเลือกใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย (NAS) เพื่อจัดการและสำรองข้อมูลระดับกิกะไบต์หรือมากกว่านี้สำหรับผลงานของตัวเอง
ยังมีสาเหตุสนับสนุนอื่น ๆ อีกมากมาย ระบบ NAS ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถวางแผนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นตามปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การตั้งค่า RAID (redundant array of independent disks) ยังช่วยในการปกป้องข้อมูลที่สำคัญในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดกับไดรฟ์ขึ้น ภาพฟุตเทจระดับ 4k และ 8k เริ่มมีความแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt, 2.5 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10GbE จึงมีความจำเป็นเพื่อลดเวลาในการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลกับสื่อบันทึกข้อมูลทั้งขาไปและขากลับ ระบบ Snap Backup ที่สะดวกเป็นพิเศษจาก NAS เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการลบข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้อมูลสำรองนี้ยังมีการป้องกันภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์อยู่ระดับหนึ่งด้วย อุปกรณ์ NAS บางตัวสามารถผสานการทำงานได้อย่างราบรื่นกับเครื่องมือตัดต่อแบบ Non-Linear อย่าง iMovie หรือ Final Cut Pro X โดย QNAP ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับแถวหน้าของระบบ NAS
ก่อนที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์จะเลือกอุปกรณ์ NAS จะต้องมีการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งานก็อาจแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับว่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ใช้งานเป็นรายเล็กหรือว่ารายใหญ่ เช่น คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายโซโล่ก็จะมีรูปแบบการใช้งานอุปกรณ์ที่แตกต่างไปจากสตูดิโอผลิตผลงาน
ในสถานการณ์เช่นนี้ NAS ขนาด 20 ถึง 30GB ก็เพียงพอ ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่จะสร้างสรรค์ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ครีเอเตอร์กลุ่มนี้อาจใช้ได้แก่
การใช้งานลักษณะนี้มักจะมีช่องติดตั้ง 4 หรือ 6 ช่อง และใช้โปรเซสเซอร์ระดับกลาง (เช่น Intel Celeron) พอร์ต 2.5 Gigabit 2 พอร์ต และกล่องเคสแยกต่างหากสำหรับจัดวางใต้โต๊ะทำงาน QNAP NAS ทุกตัวสามารถติดตั้งทั้ง HDD หรือ SSD แต่ HDD แบบปกติอาจเหมาะกว่าสำหรับครีเอเตอร์ในระดับนี้ เนื่องจากยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดที่ได้ความจุมากที่สุดในปัจจุบัน
ในสถานการณ์ลักษณะนี้ อย่างเช่นเอเจนซี่ด้านการตลาดที่ต้องผลิตโฆษณาทางโทรทัศน์หรือบริษัทผลิตมิวสิควิดีโอก็จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและความเร็วรองรับงานตัดต่อที่มากกว่า ผู้ประกอบการเหล่านี้จึงมักเลือกใช้ SSD ผสมผสานกับ HDD หรือใช้ SSD เพียงอย่างเดียว การใช้งานในลักษณะนี้มักมีการเชื่อมต่อเวิร์คสเตชั่นหลาย ๆ เครื่องกับ NAS ตัวเดียวกันในสำนักงาน ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานผ่าน NAS เป็นแพลตฟอร์มกลางร่วมกัน ทุก ๆ คนสามารถเลือกทำงานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ คนหนึ่งอาจรับหน้าที่แก้สีและลบออบเจคต์ที่ไม่ต้องการ อีกคนทำหน้าที่ใส่เพลง อีกคนทำหน้าที่ตัดต่อคลิปหลาย ๆ คลิปเข้าด้วยกัน อีกคนทำหน้าที่ปรับพื้นหลังหรือกราฟิกประกอบ คลิปความยาว 1 ถึง 5 นาทีเป็นจำนวนมากถูกผลิตอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งานของ NAS หลังจากทำงานเสร็จ NAS จะบันทึกข้อมูลขั้นสุดท้ายผ่านการเชื่อมต่อ 10GbE กับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สตูดิโอขนาดเล็กอาจเลือกใช้เพื่อจุดประสงค์เหล่านี้อาจได้แก่ TS-x73A และ TVS-x72XT ทั้งสองซีรีส์ใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพดีเหมาะกับรูปแบบการใช้งานของคุณ ซีรีส์ TS-x73A มีพอร์ต 2.5GbE สองพอร์ต ส่วน TVS-x72XT มาพร้อมกับพอร์ต 10GbE พอร์ต 1GbE สองพอร์ตและพอร์ต Thunderbolt 3 สองพอร์ต ผลิตภัณฑ์รองรับ RAM สูงสุด 64GB และสามารถกำหนดค่าการทำงานกับช่องติดตั้ง 4, 6 และ 8 ช่อง สามารถจัดพื้นที่สำหรับรองรับข้อมูลได้มากกว่า 100TB ขึ้นอยู่กับไดรฟ์ที่คุณเลือกใช้
บริษัทผลิตผลงานวิดีโอที่กำลังเติบโต จากเดิมที่เคยใช้ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพาหลาย ๆ ตัว อาจต้องการทางออกสำหรับข้อจำกัดในการตัดต่อข้อมูลที่เกิดขึ้นเนื่องจากใช้งานอุปกรณ์จัดเก็บได้เพียงครั้งละคน ความจำเป็นในการจัดหาระบบจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ที่เป็นระบบระเบียบและสามารถใช้งานข้อมูลได้พร้อม ๆ กับผ่าน PC หรือ Mac หลาย ๆ เครื่องคือแรงจูงใจที่สำคัญในการเปลี่ยนมาใช้ NAS ระบบการทำงานดังกล่าวจะทำให้สามารถตัดต่อวิดีโอได้โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไฟล์ไปยังเวิร์คสเตชั่น และยังหมายถึงการจัดเก็บข้อมูลเป็นส่วน ๆ ที่ทำให้ประมวลผลได้อย่างสะดวก ระบบ NAS ยังถือเป็นตัวเลือกที่อาจมีความคุ้มค่าเหนือกว่าตัวเลือกอื่น ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่กำลังเติบโต
สตูดิโอขนาดใหญ่หลายแห่งเลือกใช้ QNAP TVS-h1688X ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้มีช่องติดตั้งไดรฟ์ถึง 16 ช่อง พร้อมโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® โดยเป็นอุปกรณ์ NAS ที่รองรับไดรฟ์ขนาด 2.5 นิ้วสี่ตัวและ 3.5 นิ้วสิบสองตัว พร้อมพอร์ตเครือข่าย 10GbE สองพอร์ต พอร์ต 2.5GbE สี่พอร์ต NAS รุ่นนี้สามารถกำหนดค่าการทำงานโดยใช้ฟอร์แมต RAID 6 เพื่อให้อ่านและเขียนข้อมูลได้รวดเร็วโดยยังรองรับความจุได้สูงและสามารถปกป้องข้อมูลในระดับที่เชื่อถือได้ ความเร็วในการทำงานที่สูงทำให้สามารถตัดต่อผลงานวิดีโอที่จัดเก็บใน NAS ได้พร้อม ๆ กัน
เนื่องจากทั้ง SSD และ HDD สามารถทำงานร่วมกับ TVS-h1688X ผู้ใช้บางรายจึงอาจเลือกใช้ SSD เป็นแคช เช่น ติดตั้ง SSD 4 ตัวและ HDD 12 ตัวในรุ่น 16 ช่องไดรฟ์ สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ เราขอแนะนำให้เลือกใช้ SATA SSD 8 ตัวในฟอร์แมต RAID 5 ร่วมกับ HDD 8 ตัว แคช SSD อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วหากเป็นการอ่าน/เขียนข้อมูลตามลำดับ ในงานตัดต่อวิดีโอ ข้อมูลจะทำงานแตกต่างไปจากในระบบฐานข้อมูลที่มีการจัดเก็บไฟล์ขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ไฟล์วิดีโอมีขนาดใหญ่และมีลำดับในการอ่านข้อมูลที่กำหนดไว้ สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เราขอแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ SSD สำหรับตัดต่อและแชร์ข้อมูลด้วยความเร็วสูง และใช้อุปกรณ์ HDD เป็นส่วนจัดเก็บข้อมูลรองเพื่อจัดเก็บผลงานขั้นสุดท้าย แน่นอนว่าระบบการทำงานนี้จะทำให้คุณไม่ต้องใช้บริการถ่ายโอนข้อมูลอย่าง WeTransfer อีกต่อไป
หลังจากครีเอเตอร์ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกซื้อ NAS รุ่นใดและต้องการช่องติดตั้งมากแค่ไหน คำถามถัดไปคือจะเลือกติดตั้งด้วยไดรฟ์ชนิดใด
มีสื่อบันทึกข้อมูลเป็นจำนวนมากให้เลือกใช้ในปัจจุบัน ทำให้อาจเป็นความท้าทายอยู่ไม่น้อยในการเลือกไดรฟ์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด HDD ครองตลาดมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีและยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงเนื่องจากอินเทอร์เฟซ SATA ที่ HDD ใช้ในปัจจุบันสามารถรองรับการทำงานได้อย่างหลากหลายทั้ง PC เดสก์ทอป โน้ตบุ๊ก เซิร์ฟเวอร์หรือแม้แต่ NAS
ในด้านของราคาต่อพื้นที่เป็นกิกะไบต์ HDD ยังถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด อย่างไรก็ตาม การหันมาใช้ SSD ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเช่นกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีแฟลช NAND ของ SSD ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ HDD แบบจานหมุน เทคโนโลยีแฟลช NAND ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและผู้ผลิต SSD อย่าง Kingston ก็ไม่เคยหยุดที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ทรงประสิทธิภาพลงสู่ตลาด รวมไปถึง SSD ที่มีความจุสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ
SSD มีราคาที่ลดลงและสามารถแข่งขันกับ HDD ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ การถือกำเนิดของ SATA SSD ยิ่งทำให้เห็นความเหนือกว่าของ SSD เมื่อเทียบกับ HDD อย่างเห็นได้ชัด: 550MB/s กับ 120MB/s แม้ว่าบัส SATA จะยังมีข้อจำกัด แต่ SATA SSD ก็ยังทำงานได้เร็วกว่าเทคโนโลยี HDD แบบเดิม 10-15 เท่าเมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวม
นอกเหนือไปจากประสิทธิภาพในการทำงาน องค์ประกอบอีกประการที่จะต้องพิจารณาขณะเลือกใช้ SSD คือความทนทาน SSD มีอายุการใช้งานที่จำกัดเนื่องจากเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเทคโนโลยีแฟลช NAND SSD ระดับองค์กรมักมีความทนทานมากกว่า SSD ไคลเอนท์ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกใช้ SSD สำหรับองค์กรอย่างซีรีส์ Kingston SSD DC เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับ NAS ขีดความสามารถในการทำงานที่เพิ่มขึ้นถือเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล NVMe ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งในด้านความประหยัดพลังงาน ประสิทธิภาพและการรองรับการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญต่างให้การยอมรับว่าเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ทางอุตสาหกรรม
ฟอร์มแฟคเตอร์ต่าง ๆ ของ SSD เป็นอีกปัจจัยที่จะต้องพิจารณา ไดรฟ์ 2.5 นิ้วเป็นไดรฟ์ที่ใช้แพร่หลายที่สุด แต่ฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็กอย่าง M.2 ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน NAS รุ่นใหม่ ๆ มักมีซ็อคเก็ต M.2 SSD อย่างน้อยหนึ่งช่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้ง HDD 3.5 หรือ 2.5 นิ้วที่ช่องติดตั้งด้านหน้าเพื่อให้รองรับความจุได้มากที่สุด พร้อม ๆ กับการติดตั้ง M.2 SSD เสริมเข้าไปเพื่อให้ NAS ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากคุณมีข้อสงสัยว่า SSD แบบไหนหรือ HDD แบบไหนที่เหมาะสำหรับ NAS ที่จะใช้ Kingston ขอเสนอบริการ Ask an Expert ที่มาพร้อมกับความช่วยเหลือด้านเทคนิคสำหรับการตัดสินใจในทุก ๆ ด้านสำหรับการเลือกซื้อ SSD และ HDD ของคุณ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือแม้ว่าข้อสงสัยของคุณจะไม่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของเราโดยตรงก็ตาม นอกจากนี้ QNAP ยังมีแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกใช้ NAS เช่น รายการไดรฟ์ที่รองรับการทำงานร่วมกัน คู่มือการเลือกและอัพเกรด NAS ที่ลงตัวที่สุดสำหรับคุณ และระบบเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย QNAP เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สิ่งสำคัญคือการเลือกพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ขณะที่คุณกำลังมองหาวิธีการในการปรับประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตของคุณโดยรวม เพราะพันธมิตรที่ให้ความสนใจเรื่องการขายหรือการทำยอดมากกว่าการช่วยให้ธุรกิจของคุณพบกับผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้คุณเติบโตได้ในจังหวะที่เหมาะสมก็จะไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ในท้ายที่สุด Kingston พร้อมให้บริการคุณไม่ว่าคุณจะมียอดซื้อมากแค่ไหน และ QNAP ก็พร้อมนำเสนอบริการระดับสุดยอดให้แก่ลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายเล็ก
#KingstonIsWithYou
การวางแผนโซลูชั่นที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่งานและระบบของคุณต้องการ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston คอยแนะนำคุณ
ถามผู้เชี่ยวชาญ