วิธีเลือกไดรฟ์ให้เหมาะกับข้อมูล

คนทำเครื่องหมายในรายการตรวจสอบ

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่เป็นความลับให้ปลอดภัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่เนื่องด้วยความละเอียดอ่อนของข้อมูลแบ่งออกเป็นหลายระดับ อีกทั้งยังในตลาดยังมีการเข้ารหัสหลายแบบ คุณจึงอาจจะไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าอุปกรณ์ใดเหมาะกับปกป้องข้อมูลของคุณมากที่สุด ระดับการปกป้อง ความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล ฟอร์มแฟคเตอร์ หรือความจุของไดรฟ์ล้วนมีบทบาทในการประกอบการตัดสินใจนี้ นอกจากนี้ กฎระเบียบที่เข้มงวดอย่าง HIPAA, GDPR, CCPA, NIS2 และ DORA ยังอาจกำหนดระดับการปกป้องข้อมูลไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูล

เนื่องด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ หลายคนอาจให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลบนเครือข่ายและมักมองข้ามการจัดการข้อมูลในอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น ไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในไดรฟ์ USB หรือไดรฟ์ SSD แบบต่อพ่วง การเลือกไดรฟ์ให้เหมาะสมสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพราะหากตัดสินใจไม่ถูกต้อง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดข้อมูล รวมไปถึงผลกระทบด้านกฎหมายหรือการกำกับดูแล และค่าปรับจำนวนมหาศาล

ปัจจุบันเครื่องมือเจาะข้อมูลมีความซับซ้อนและแพร่หลายมากขึ้น การเลือกแนวทางจัดเก็บข้อมูลที่ปกป้องข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงสำคัญยิ่งกว่าที่เคย ในบรรดาตัวเลือกต่าง ๆ ไดรฟ์ USB ที่เข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์และ SSD แบบต่อพ่วงจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง ถือเป็นตัวเลือกชั้นนำหากคุณต้องการจะปกป้องข้อมูลที่มีค่าให้ปลอดภัย แต่ไม่ใช่ว่าไดรฟ์ทั้งหมดที่กล่าวอ้างว่ามีคุณสมบัติ “เข้ารหัส” จะให้การปกป้องระดับเดียวกีน ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณจะต้องพิจารณา หากต้องการเลือกไดรฟ์ให้เหมาะกับความต้องการ

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ต้องมี

ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ

การเลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องข้อมูลนั้น สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องเลือกผู้จัดจำหน่ายที่ไว้ใจได้และทำธุรกิจด้านการปกป้องข้อมูลมาแล้วหลายปี ข้อกำหนดเบื้องต้นก็คือผู้ผลิตจะต้องมีประวัติการดำเนินงานดีและว่าจ้างบริษัทอิสระมาทำการทดสอบการเจาะระบบ ในท้องตลาดมีไดรฟ์ราคาถูกที่ไม่มีแบรนด์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยไดรฟ์เหล่านี้ให้การปกป้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีคุณสมบัติในการปกป้องข้อมูลเลย แต่ Kingston ผลิตไดรฟ์เข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์มากว่า 20 ปี ลูกค้าประจำของบริษัทประกอบไปด้วยบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 รวมไปถึงรัฐบาลและกองทัพ

D500S in use in laptop, next to another D500S with barcode shown.

การเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเลือกไดรฟ์ก็คือประเภทการเข้ารหัสที่ไดรฟ์นั้นใช้ เพราะการเข้ารหัสแต่ละแบบนั้นไม่เหมือนกัน สมมติว่าวิธีเข้ารหัสเป็นเหมือนประตูบ้าน คุณอาจพูดได้ว่าประตูมุ้งลวด ประตูไม้กระดาน และประตูเหล็กที่ใช้กุญแจล็อกแบบลิ้นตายให้การป้องกันเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วมีประตูแบบเดียวเท่านั้นที่สามารถป้องกันการงัดแงะได้

ในทำนองเดียวกันก็เหมือนกับการเข้ารหัสประเภทต่าง ๆ นั่นเอง การเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์จะมีความปลอดภัยกว่าการเข้ารหัสเชิงซอฟต์แวร์ที่ มีความเสี่ยงต่อการโจมตีรหัสผ่านแบบ Brute Force มากกว่า มาตรฐาน Advanced Encryption Standard (AES) ในโหมด 256-bit XTS ถือเป็นมาตรฐานแนะนำ ซึ่งป้องกันการละเมิดข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม การเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ช่วยให้จัดเก็บคีย์การเข้ารหัสได้อย่างอย่างปลอดภัยภายในไดรฟ์ จึงลดความเสี่ยงที่คีย์ดังกล่าวจะรั่วไหล เมื่อเทียบกับการเข้ารหัสเชิงซอฟต์แวร์ ซึ่งต้องเปิดเผยคีย์การเข้ารหัสแก่คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับไดรฟ์ ไดรฟ์ Kingston IronKey ทั้งหมดมาพร้อมการเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์มาตรฐาน XTS-AES 256-bit ในตัว ซึ่งจะทำงานตลอดเวลาเพื่อให้การปกป้องข้อมูลอย่างน่าเชื่อถือ ไดรฟ์เหล่านี้ออกแบบและผลิตมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ปกป้องข้อมูลโดยเฉพาะ อีกทั้งยังใช้ไมโครโปรเซสเซอร์ที่ผ่านมาตรฐานการเข้ารหัส XTS-AES 256-bit ด้วย

ป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force

ไดรฟ์ควรจะมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการเดารหัสผ่าน ไดรฟ์แบบเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ที่น่าเชื่อถือจะลบข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกไว้ภายในไดรฟ์ออกหากป้อนรหัสไม่ถูกต้องครบตามจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ไดรฟ์ IronKey ทุกรุ่นมาพร้อมการป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force และลบข้อมูลแบบเข้ารหัสลับเมื่อมีการป้อนรหัสผ่านไม่ถูกต้องครบตามจำนวนครั้งที่กำหนดไว้

การเปิดใช้งานการเข้ารหัสตลอดเวลา

การเข้ารหัสของไดรฟ์จะต้องไม่สามารถเปิดหรือปิดใช้งานด้วยตัวเองได้ ไดรฟ์ทั่วไปบางรุ่นจะอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดการเข้ารหัสเองได้ ข้อมูลจึงเสี่ยงต่อการรั่วไหล ซึ่งสำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาลแล้ว สิ่งนี้ยังขัดต่อกฎระเบียบด้านการคุ้มครองข้อมูลด้วย การเข้ารหัสที่เปิดใช้งานตลอดเวลาจะช่วยให้คุณวางใจว่าข้อมูลได้รับการปกป้องอยู่เสมอ แม้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ขึ้นก็ตาม

การรับรองและมาตรฐาน

National Institute of Standards and Technology (NIST) คือหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาตรฐานการเข้ารหัส AES 256-bit และกำหนดมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ไดรฟ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น มาตรฐาน FIPS 140-3 Level 3 ใหม่ล่าสุดของ NIST นั้นผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดจากห้องปฏิบัติการที่ NIST รับรอง จึงมั่นใจได้ว่าไดรฟ์เหล่านี้จะป้องกันการโจมตีและการรั่วไหลของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับรองเหล่านี้เป็นข้อบังคับสำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาลและกองทัพและควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับธุรกิจที่จำเป็นต้องจัดการข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลมีค่า ไดรฟ์ Kingston IronKey™ Vault Privacy 50 Series (VP50) และ Vault Privacy 80 External SSD (VP80ES) ผ่านการรับรองมาตรฐาน FIPS 197 ช่วยให้หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ มั่นใจได้ว่ามีการเข้ารหัสข้อมูลแบบ XTS-AES 256-bit อย่างเหมาะสม ส่วนไดรฟ์ Keypad 200 Series และไดรฟ์ D500S ที่ดีที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับเดียวกัน ก็ผ่านการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-3 Level 3 (Pending) มาพร้อมกับการรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับที่ใช้ในทางทหารและคุณสมบัติป้องกันการงัดแงะวงจร

ฟีเจอร์และวิธีการปกป้องข้อมูลขั้นสูง

1. การป้องกัน BadUSB

การโจมตีด้วย BadUSB ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของเฟิร์มแวร์ USB แล้วทำการติดตั้งมัลแวร์ ไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เข้ารหัสที่ได้มาตรฐาน RSA 2048-bit (หรือที่เรียกว่าเฟิร์มแวร์แบบลงลายมือชื่อดิจิทัล) ป้องกันการโจมตีประเภทนี้ได้ ไมโครโปรเซสเซอร์ที่ปลอดภัยในไดรฟ์เหล่านี้จะตรวจสอบความถูกต้องของเฟิร์มแวร์ตั้งแต่ตอนเริ่มใช้งาน หากพบว่าลายมือชื่อไม่ตรงกัน ก็จะชัทดาวน์ไดรฟ์เพื่อปกป้องข้อมูล

2. การเพิ่มประโยชน์ใช้สอย

ไดรฟ์ที่รองรับรหัสผ่านหลายชุดและมีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย เช่น การป้อนวลีรหัสผ่านแบบข้อความอิสระที่รองรับอักขระสากลบนอินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิก (GUI) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยไม่ส่งผลต่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยผู้ใช้สามารถสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนที่จำง่ายและยากต่อการคาดเดาของผู้โจมตี ไดรฟ์ Kingston IronKey มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ NIST แนะนำ รวมถึงการเลือกใช้วลีรหัสผ่านแทนการใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนด้วย

3. ไม่ติดตั้งซอฟต์แวร์ใด ๆ

ไดรฟ์บางตัวกำหนดให้ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ จึงจะเปิดใช้งานการเข้ารหัสผ่านได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ใช้ เพราะหากไม่มีซอฟต์แวร์นั้น ไดรฟ์ก็จะไม่ได้รับการปกป้องเลย ไดรฟ์แบบ GUI ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบสิทธิ์มาแล้วและจัดเก็บไว้ในพาร์ติชันที่ล็อกเอาไว้จึงเป็นโซลูชันที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากกว่า นอกจากนี้ ไดรฟ์แบบเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ที่มีแป้นพิมพ์หรือทัชสกรีน เช่น Kingston IronKey Keypad 200 Series (KP200) หรือ Vault Privacy 80 External SSD (VP80ES) ยังไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสิทธิ์ซอฟต์แวร์แม้แต่น้อย ทำให้มีความอเนกประสงค์มากกว่าเนื่องจากไม่ต้องอาศัย OS ในการใช้งาน

4. รหัสผ่านเทียบกับลายนิ้วมือ

ถึงแม้ว่าการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยลายนิ้วมืออาจจะฟังดูปลอดภัย แต่ความจริงแล้วการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยลายนิ้วมือน่าเชื่อถือน้อยกว่าระบบรหัสผ่านในไดรฟ์ USB ที่มีฟังก์ชันตัวควบคุมไม่กี่อย่าง นอกจากนี้ ตัวสแกนลายนิ้วมือยังมีอัตราความผิดพลาดสูง และในบางกรณี แฮกเกอร์ยังข้ามระบบเหล่านี้ไปได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ด้วยเหตุนี้ ไดรฟ์ที่เข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ที่ใช้ฟีเจอร์รหัสผ่านที่คาดเดายากจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

5. การสำรองข้อมูลนอกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย

การป้องกันมัลแวร์และแรนซัมแวร์นั้นจำเป็นต้องมีการสำรองข้อมูล สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางแล้ว ความคุ้มค่าเป็นกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ไดรฟ์อย่าง IronKey Vault Privacy 80ES (VP80ES) บันทึกข้อมูลได้สูงสุด 8TB และใช้เป็นพื้นที่สำรองข้อมูลนอกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ช่วยสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจจะกู้คืนข้อมูลได้ในกรณีที่ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ การสำรองข้อมูลแบบ 3-2-1 เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลจากการโจมตีดังกล่าวและช่วยให้กู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วในยามจำเป็น

ภาพถ่ายไดรฟ์ Kingston IronKey USB หลายอัน

สรุป

การเลือกไดรฟ์บันทึกข้อมูลที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการปกป้องข้อมูลที่มีค่าจากการโจมตีทางไซเบอร์และช่วยรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรม ก่อนจะเลือกไดรฟ์บันทึกข้อมูล คุณควรรอบคอบและเลือกผู้จัดจำหน่ายที่ผลิตเครื่องมือปกป้องข้อมูลมาอย่างยาวนาน หลีกเลี่ยงไม่ใช้การเข้ารหัสเชิงซอฟต์แวร์ผ่านไดรฟ์ USB ทั่วไป แต่ควรพิจารณาไดรฟ์แบบเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ที่มีการเข้ารหัสตามมาตรฐาน XTS-AES 256-bit และเปิดใช้ฟังก์ชันเข้ารหัสไว้ตลอดเวลา รวมทั้งสามารถป้องกันการโจมตีแบบ Bruce Force และ BadUSB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรมองหาไดรฟ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น FIPS 197 หรือ FIPS 140-3 Level 3 เพื่อให้แน่ใจว่าไดรฟ์เหล่านั้นมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด หากผู้ผลิตไดรฟ์ว่าจ้างบริษัทอิสระมาทำการทดสอบเจาะระบบเพื่อประเมินไดรฟ์ของตน ก็แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตตั้งใจจริงที่จะออกแบบและผลิตไดรฟ์ที่มีคุณภาพ

องค์กรแต่ละแห่งมีความต้องการแตกต่างกันไปในแง่ของการปกป้องและการรักษาความปลอดภัยข้อมูล ซึ่งไดรฟ์ Kingston IronKey ตอบโจทย์ความต้องการแต่ละแบบได้เป็นอย่างดี สำหรับข้อมูลมีค่าและต้องปกป้องเป็นพิเศษ ไดรฟ์ IronKey best-in-class D500S (IKD500S) พร้อม Keypad 200 Series (KP200) มอบการรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกันกับที่ใช้ในทางทหารด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้มาตรฐาน FIPS 140-3 Level 3 ส่วนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง Vault Privacy 50 Series (VP50) และ Vault Privacy 80 External SSD (VP80ES) ก็ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ดูแลระบบได้อย่างดีเยี่ยม

เมื่อพูดถึงการปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนแล้ว ธุรกิจและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งต่างจำเป็นต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด การใช้ไดรฟ์ของผู้ผลิตที่น่าเชื่อถืออย่าง Kingston Technology ที่มีประวัติในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลมาอย่างยาวนาน จะช่วยคุณปกป้องข้อมูลและลดความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลในกรณีที่ไดรฟ์สูญหาย ถูกขโมย หรือถูกแฮ็ก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายมหาศาลตามมา

บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

ไอคอน Ask an Expert ของ Kingston บนชิปเซ็ตของแผงวงจร

ถามผู้เชี่ยวชาญ

การวางแผนระบบการทำงานที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ด้าน IT ของคุณ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston เสนอคำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่คุณ

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

คอยติดตามข่าวสาร! สมัครรับอีเมลของเราเพื่อรับทราบข่าวสารและข้อมูลจาก Kingston