ภาพ 3 มิติเป็นรูปมือของหุ่นยนต์และมือของมนุษย์กำลังจับเข็มทิศของปี 2024 บนฉากหลังดิจิทัล

2024: การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี

ปีที่ผ่านมาวงการเทคโนโลยีเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ หลายอย่างด้วยกัน คนจำนวนไม่น้อยมองว่าปี 2023 เป็นปีแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง จากการที่แพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT และ BardAI จู่ ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ยังถือเป็นปีที่บริษัททั่วโลกเริ่มจะพิจารณาความเป็นไปได้ในระยะยาวของการทำงานแบบไฮบริดและแบบทางไกล โดยพยายามตอบคำถามเกี่ยวกับการร่วมมือทางไกล ผลิตภาพการทำงาน และความปลอดภัยทางไซเบอร์

การพัฒนาหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2023 ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ และนั่นอาจทำให้คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับวงการเทคโนโลยีในปี 2024 เราจะได้เห็นการพัฒนาด้าน AI อันน่าทึ่งต่อไปอีกหรือไม่ เทคโนโลยีที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนจะสร้างผลกระทบในระยะยาวต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันของหรือไม่ เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้และคลี่คลายความสงสัยอีกหลาย ๆ อย่าง เราจึงได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่มาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีในปี 2024

นวัตกรรมและประสบการณ์จากการผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือน

วิศวกรกำลังถือแท็บเล็ตที่แสดงรูปแบบของเอนจินในแอปความจริงเสริม

ความจริงเสริม (Augmented Reality, AR) และความจริงเสมือน (Virtual Reality, VR) ผ่านการปรับปรุงและพัฒนามาหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา Rob May คาดการณ์ว่าการพัฒนาเหล่านี้จะดำเนินต่อไปในปี 2024 และกล่าวว่า “ประสบการณ์ในโลกดิจิทัลจะถูกปฏิวัติด้วยความก้าวหน้าของ AR/VR ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมแบบโต้ตอบที่มีความสมจริงมากขึ้นและเชื่อมต่อกับองค์ประกอบในโลกจริงได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยยกระดับการศึกษา ความบันเทิง และการทำงานทางไกล”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การนำ AI และเทคโนโลยีที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนมาใช้ จะมอบประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงยิ่งกว่าเดิมให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก AI สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนได้ Elena Carstoiu ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในทางการค้า โดยกล่าวว่า “ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภค 58% มองว่าประสบการณ์ที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น การมอบประสบการณ์บนโลกดิจิทัลที่เต็มอิ่มสมจริงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนจึงยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการขาย และการนำพลังของ AI มาใช้ก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” จริง ๆ แล้ว ผู้บริโภคมีความคาดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าแบรนด์จะปรับแต่งประสบการณ์ให้ตอบโจทย์ของผู้ใช้แต่ละคนได้ นั่นหมายความว่าประสบการณ์ที่เต็มอิ่มจากการผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะดึงดูดความสนใจและทำให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ เพราะผู้ใช้จะต้องได้รับได้ประสบการณ์ที่เหมาะกับตัวเองด้วย

ถึงแม้ว่าประสบการณ์แบบผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนจะเกิดขึ้นในโลกดิจิทัล แต่เราก็ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบของนวัตกรรมต่าง ๆ ในโลกจริงด้วย “CPU, RAM, GPU, SSD รวมทั้งเครือข่ายและบัสข้อมูลทำงานเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จึงช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน AR/VR ในขณะที่ความละเอียดของกราฟิกและ FPS ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” Geoffrey Petit กล่าว ส่วน Simon Besteman ได้กล่าวเสริมว่า Apple Vision Pro ที่ประกาศเปิดตัวก่อนหน้านี้ไม่นานและมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2024 เป็นแค่จุดเริ่มต้นของชุดหูฟังแบบความจริงผสม (Mixed Reality, MR) รุ่นถัดไปเท่านั้น “เราพัฒนาอุปกรณ์รุ่นถัดไปอย่างชุดหูฟังของ Apple เพื่อให้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น เช่น วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของดวงตา อุณหภูมิ หรือแม้แต่คลื่นไฟฟ้าบนผิวหนัง” จุดข้อมูลทั้งหลายที่เพิ่มเข้ามานี้ไม่เพียงช่วยปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน แต่ยังเพิ่มมิติใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดอยู่แค่ภาพและเสียงอีกต่อไป

การมอบประสบการณ์บนโลกดิจิทัลที่เต็มอิ่มสมจริงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการขาย และการนำพลังของ AI มาใช้ก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Elena Carstoiu

เทคโนโลยีและการทำงานแบบไฮบริด

ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะกลับมาทำงานในสำนักงานกันแล้วหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านพ้นไป ทว่าสัดส่วนการทำงานแบบไฮบริดและการทำงานจากระยะไกลเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาด สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งบ่อยครั้งที่เทคโนโลยีกลายมาเป็นประเด็นหลักของการสนทนาในฐานะที่เป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส

ในปี 2024 เราน่าจะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงประสบการณ์การทำงานให้เหมาะกับผู้ที่ทำงานแบบไฮบริดกันมากขึ้น โดยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นและเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าเดิม จากข้อมูลของ Frank Jennings เราน่าจะได้เห็น “เครื่องมือประสานการทำงานและการตัดสินใจที่ก้าวหน้าขึ้น และใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์มาพิจารณาภาระงานและจุดแข็งของพนักงาน รวมทั้งดูแลสวัสดิภาพด้านจิตใจของพนักงาน (...) ซึ่งจะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขกว่าเดิม” Kate Sukhanova ยังมองลึกลงไปอีกเกี่ยวกับการปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้งาน “เราจะเห็นการนำอวาตาร์ (เมตาเวิร์สและเทคโนโลยีอื่น ๆ) มาใช้ในสถานที่ทำงานมากขึ้น และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม”

แน่นอนว่า AI จะมีบทบาทสำคัญกับการทำงานแบบไฮบริดในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการทำให้งานเป็นระบบอัตโนมัติ “ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนให้งานที่ต้องทำเหมือนเดิมซ้ำ ๆ กลายเป็นระบบอัตโนมัติ รวมทั้งยกระดับผลิตภาพการทำงาน ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยีทั้งสองจะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” Dr. Philippe Vynckier คาดการณ์ ปัจจุบัน ธุรกิจนำเครื่องมือ AI มาทำงานโดยอัตโนมัติกันแล้ว แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันว่างานแบบไหนบ้างที่ควรใช้ระบบอัตโนมัติ และการทำแบบนี้จะส่งผลต่อพนักงานอย่างไร เนื่องจากพนักงานอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียงานไป

แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การทำงานแบบไฮบริดจะคงอยู่ตลอดไปหรือไม่ Simon Besteman ชี้ว่ายังเร็วไปที่จะฟันธง แต่หากจะให้การทำงานแบบไฮบริดอยู่ได้ในระยะยาว ต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาและการนำเทคโนโลยีมาใช้ “เราจำเป็นต้องกำจัดแรงต้านทั้งจากนายจ้างและพนักงานผ่านแนวทางเชิงเทคนิค และคุณภาพของเทคโนโลยีจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของการทำงานแบบไฮบริด” ตรงกันข้ามกับ Mike Gillespie ที่มองการทำงานแบบไฮบริดในแง่บวก แต่ก็เห็นด้วยว่าการมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นตัวตัดสินว่าองค์กรหนึ่งจะใช้การทำงานแบบไฮบริดได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ โดยเขากล่าวว่า “การพึ่งพาวิธีการทำงานแบบเก่าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน อย่างเช่นการบังคับให้พนักงานเข้าสู่ระบบ บริการ และข้อมูลผ่านเครือข่าย VPN ต้องมีการประเมินผลดีผลเสียกันใหม่อีกครั้ง”

หน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

อนาคตของเทคโนโลยีเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น AR, VR ไปจนถึง Internet of Things (IoT) ต้องพึ่งพาหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เนื่องจากมีการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและรูปแบบการใช้งาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับหน่วยความจำจะกลายเป็นปัญหาท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องการจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีอันทรงพลังนี้ Elena Carstoiu อธิบายว่า “แอปพลิเคชัน AI และแมชชีนเลิร์นนิงจะดึงข้อมูลที่ต้องการโดยการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล (...) ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งข้อมูลไปยัง GPU อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้การใช้งานหยุดชะงัก” กล่าวได้ว่า หากไม่มีการพัฒนาโซลูชันหน่วยความจำในส่วนที่จำเป็น เราก็จะไม่มีทางใช้ประโยชน์จากศักยภาพสูงสุดของ AI ได้เลย

ในขณะเดียวกัน ปริมาณข้อมูลทั่วโลกนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง และคาดการณ์กันว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึง{{Footnote.A72096}} 147 เซตตาไบต์ในปี 2024 ดังนั้น โซลูชันหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดเก็บ ใช้งาน และแบ่งปันข้อมูล โดย Ian Moyse กล่าวว่า “เมื่อมีการสร้างข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณและเอนจินจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นเร็วขึ้น ก็จำเป็นต้องขยายความต้องการและวิธีการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล ด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับความต้องการที่เกิดขึ้น”

ข่าวดีก็คือ เราพบว่ามีนวัตกรรมและการปรับปรุงพัฒนามากมายในส่วนของโซลูชันหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่น่าจะดำเนินต่อไปตลอดหลายปีนับจากนี้ Geoffrey Petit ให้ข้อสังเกตว่า “DDR5 และ SSD เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกปี ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของ HEDT, เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI และเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ นวัตกรรมในอุตสาหกรรมหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เองที่อาจจะขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีความสำคัญมากที่สุดในปี 2024

ปัญหาท้าทายในปี 2024

มือข้างหนึ่งถือบล็อกไม้ที่ระบุตัวเลขปี 2024 บนบล็อกไม้ความยั่งยืน

ปัญหาท้าทายหลายอย่างที่ธุรกิจและรัฐบาลเผชิญในปี 2023 จะยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึง 2024 แสดงให้เห็นว่าโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนนั้นสำคัญเพียงใด

ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ และวงการเทคโนโลยีก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาเหล่านี้ Rafael Bloom กล่าวว่า “ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกบรรเทาลง แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ”

ในภาพกว้าง ผลกระทบของเงินเฟ้อและการขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจก็จะส่งผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูลในปี 2024 ด้วยเช่นกัน Simon Besteman ชี้ให้เห็นว่า ศูนย์ข้อมูลต้องรับแรงกดดันเพิ่มขึ้น ทั้งจากเทคโนโลยีใหม่และกฎข้อบังคับใหม่ “แม้แต่ตอนนี้ เราก็เห็นแล้วว่าความต้องการโซลูชัน AI และแมชชีนเลิร์นนิงนั้นสูงเกินกว่าขีดความสามารถของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ให้บริการสถานที่สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้านหนึ่งคือแรงกดดันให้ดำเนินการอย่างยั่งยืนมากขึ้น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีแรงกดดันให้ส่งมอบประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งการรับมือกับแรงกดดันทั้งสองอย่างนี้พร้อมกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นข้อกังวลอันดับต้น ๆ ขององค์กรในปี 2023 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้คนต้องการทำงานแบบไฮบริดและทำงานจากระยะไกลกันมากขึ้น ซึ่งปัญหานี้จะดำเนินต่อเนื่องในปี 2024 Elena Carstoiu กล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกิดบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า “ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจ 50% เคยตกเป็นเหยื่อจากการโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมูลค่าความเสียหายคาดว่าน่าจะเกิน{{Footnote.A72097}} 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อถึงสิ้นปี 2024” ถึงแม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยป้องกันและบรรเทาผลกระทบของอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ แต่หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์ที่ธุรกิจจะต้องเผชิญในปี 2024 คือการสรรหาบุคลากร “บุคลากรที่มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัย การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และเทคโนโลยีใหม่ จะยังคงขาดแคลน ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางคือการรักษาบุคลากรเอาไว้” Ian Moyse คาดการณ์

ภาพโน้ตบุ๊กด้านบนบนโต๊ะสีดำพร้อมลายเส้นบนแผงวงจร

ถามผู้เชี่ยวชาญ

การวางแผนโซลูชั่นที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่งานและระบบของคุณต้องการ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston คอยแนะนำคุณ

ถามผู้เชี่ยวชาญ

Kingston Product Finder

เลือกหน่วยความจำสำหรับใช้งานได้ง่าย ๆ กับ Kingston
ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 35 ปีของ Kingston ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเรามีความรู้และความเชี่ยวชาญในการเลือกหน่วยความจำที่คุณเชื่อมั่นได้

ค้นหาจากเครื่อง/อุปกรณ์

เพียงแค่กรอกยี่ห้อหรือเลขรุ่นหรือเลขชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิตอลเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์จาก Kingston ที่คุณต้องการ

ค้นหาจากหมายเลขชิ้นส่วน

ค้นหาจากเลขชิ้นส่วนของ Kingston เลขชิ้นส่วนของตัวแทนจำหน่ายหรือเลขชิ้นส่วนของผู้ผลิต

บทความที่เกี่ยวข้อง